7 พ.ค. 2559

สาวๆ พาเที่ยวอินโดนีเซีย #4 หนึ่งวันในยอร์คยาการ์ต้า

วันนี้เราได้ตื่นสายกันขึ้นนิดนึงค่ะ ตื่นตี 3 รถมารับตอนตี 4 คนขับรถเช่าให้พวกเราวันนี้เป็นนักเรียนไทยที่มาเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอินโดนีเซีย ชื่อน้อง อาลีฟ ค่าบริการไม่แพงค่ะ ค่าเช่ารถ 300,000 Rp. ค่าแรงคนขับ 100,000 Rp. (100,000 Rp.=256 บาท) เจอคนไทยแบบนี้ก็สบายค่ะ ช่วยในเรื่องการสื่อสารกับคนท้องถิ่นได้เยอะทีเดียว และน้องก็บริการดีจะไปซื้อของน้องยังช่วยต่อรองราคาให้ แถมอยู่จนถึงเวลาที่เราต้องกลับไปขึ้นรถไฟไปที่สุราบายาตอนสี่ทุ่มอีกด้วย ใครสนใจใช้บริการติดต่อน้องได้นะคะ https://www.facebook.com/abenkob?fref=ufi&pnref=story

มาเรื่องเที่ยวกันต่อค่ะ จุดหมายแรกของเรา คือ เก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาไฟเมราปี การจะเดินทางเข้าไปจะต้องใช้บริการรถจี๊ป ค่าบริการ 300,000 Rp. ใครจะไปแนะนำว่าอย่าทานอาหารเยอะก่อนนั่งรถนะคะโดนเขย่าจนออกมาหมดแน่ๆ 

ใช้เวลานานพอสมควรเลยค่ะ กว่าจะไปถึงจุดชมวิว เมราปีเป็นภูเขาไฟ 1 ใน 129 ลูกของภูเขาไฟในอินโดนีเซียที่ยังไม่สงบ และรอวันประทุอยู่ ครั้งล่าสุดที่ประทุคือเมื่อเดือนตุลาคม 2553 มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คน และผู้คนกว่า 350,000 คน ต้องอพยพย้ายที่อยู่ ดูจากภาพข่าวในช่วงนั้น หมอกควันและฝุ่นปลิวไปไกลถึงตัวเมืองยอร์คยาการ์ต้าเลยค่ะ และเค้าว่ากันว่าภูเขาไฟลูกนี้จะประทุทุกๆ 5-6 ปี ที่นี่เป็นที่แรกในอินโดนีเซียนะคะ ที่ไม่เจอนักท่องเที่ยวชาวไทยเลย

ตอนนี้ก็ดูสวยงามดีนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเคยประทุจนสร้างความเสียหายได้มากมายขนาดนั้น

ตรงนี้เป็นทางไหลของลาวาค่ะ

บังเกอร์สำหรับหลบภัย แต่ใช้งานจริงไม่ได้ เพราะว่าเวลาที่ลาวาไหลมาจริงๆ ภายในจะร้อนราวกับเตาอบทีเดียว

รถจี๊ปบริการนักท่องเที่ยว

นุ้ยว่าก่อนภูเขาไฟระเบิดถนนคงไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะยังเห็นบางส่วนของถนนที่ไม่เสียหายเป็นคอนกรีต แต่ก็มีน้อยมากค่ะ เหลือเป็นหย่อมๆ 

เมื่อภูเขาไฟระเบิดก็พ่นหินและแร่ธาตุออกมามากมาย จึงมีการขุดไปขาย มีรถบรรทุกวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่

 จุดชมวิวจุดต่อมาจะเป็นบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน

หินก้อนนี้กระเด็นมาจากปล่องภูเขาไฟโน่นค่ะ 

 ดูขนาดก้อนหินเทียบกับตัวพวกนุ้ยนะคะ ที่นี่ห่างจากภูเขาไฟประมาณ 7 กิโลเมตร

เข้าไปในหมู่บ้านกันค่ะ ตอนนี้ที่นี่ประกาศเป็นเขตห้ามพักอาศัยแล้ว แต่เจ้าของบ้านนี้ได้เก็บส่วนที่เหลือของบ้านไว้เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม น้องอาลีฟเล่าว่า เมื่อก่อนคุณป้าเจ้าของบ้านจะมานั่งอยู่ที่บ้านนี้ด้วย คุณป้าดูเศร้ามากๆ แต่วันที่นุ้ยไปคุณป้าไม่อยู่นะคะ มีแต่คุณลุงที่มาทำความสะอาด คือ ฝนตกคืนก่อนที่เราจะมา พื้นก็เป็นโคลน แต่คุณลุงก็พยายามจะถูโคลนออกจากพื้นบ้านส่วนที่เหลือยู่น้อยนิด แกคงรักบ้านนี้มากนะคะ ป้ายที่เขียนไว้หน้าบ้าน MEMORIKU= ความทรงจำ OMAHKU=บ้านของฉัน

เข้าไปชมด้านในกันนะคะ

ที่ผนังบ้านจะมีภาพเหตุการณ์ในช่วงปี 2553 แสดงอยู่

ข้างของเครื่องใช้ที่เหลืออยู่

เห็นซากของสัตว์เลี้ยงแล้วนุ้ยก็อดสงสัยไม่ได้นะคะ ว่ามันหนีไม่ทัน หรือมันโดนล่ามไว้เลยหนีไปไหนไม่ได้

ความร้อนทำลายทุกอย่าง

ไม่รู้ว่าเจ้าของขวดนี้จะเป็นยังไงบ้าง

บ้านอีกหลังนึงยังคงเก็บฝุ่นและขี้เถ้าที่ทับถมกันอยู่ในห้องไว้ สูงเป็นฟุตเชียวค่ะ ประเทศเราโชคดีนะคะที่ไม่มีภูเขาไฟ ออกจากบ้านหลังนี้แล้วเราก็เดินทางต่อไปที่วัดเมนดุด ซึ่งเค้าว่ากันว่าเก่าแก่กว่าบุโรพุทโธ

ภาพแกะสลักรอบวัด

ภายในจะมีพระพุทธรูปอยู่นะคะ 

แม่ค้าขายของที่นี่จะฮาร์ดเซลส์มากค่ะ เดินรุมเราถึงรถทีเดียว เสื้อผ้าจะราคาไม่แพงค่ะ นุ้ยซื้อ 5 ตัว 100,000 Rp. ส่วนเพื่อนได้ราคา 6 ตัว 100,000 Rp. ถ้าอยู่กันนานกว่านี้ไม่รู้จะลดให้อีกหรือเปล่านะคะ จุดต่อไปที่เราเดินทางไปคือ วัดพาวอน

 

วัดพาวอนเป็นจุดกลางของเส้นตรงทอดยาวจาก บุโรพุทโธ ไปยังวัดเมนดุด ทำให้สันนิษฐานว่าทั้งสองที่เป็นส่วนหนึ่งของบุโรพุทโธ จริงๆ แล้วตั๋วเข้าชมที่วัดเมนดุดจะรวมค่าเข้าชมวัดพาวอนด้วยนะคะ แต่ตอนพวกนุ้ยเข้าวัดเมนดุดเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ตั๋วเข้าชม พวกนุ้ยก็ไม่ได้ทักท้วง เพราะตั้งแต่เที่ยวประเทศนี้มา ไม่เคยมีตั๋วเข้าชมสักที่ แต่พอมาถึงวัดเจ้าหน้าที่เรียกหาตั๋วแล้วไม่มี พวกนุ้ยเลยต้องเสียค่าเข้าชมอีกรอบค่ะ จุดหมายปลายทางต่อไป คือ บุโรพุทโธ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีจุดซื้อตั๋วแยกจากนักท่องเที่ยวท้องถิ่นนะคะ จะเป็นห้องแอร์ มีเวลคั่มดริ๊งค์ให้ด้วย การเข้าชมแต่ละช่วงเวลาจะมีราคาแตกต่างกัน เราก็นั่งคิดกันอยู่นานว่าจะรอชมตอนเย็นเก็บภาพช่วงพระอาทิตย์ตกดีกว่าหรือเปล่า แต่ก็จะราคาแพงกว่ามาก และเนื่องจากฝนที่ตกมาช่วงเย็นทุกวัน เราเลยตัดสินใจเข้าชมในช่วงเวลาปกติเลย 

 

อาคารแสดงความเป็นมาของการบูรณะบุโรพุทโธ

นักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ

และแล้วสิ่งที่พวกเรากลัวก็เกิดขึ้นค่ะ ฝนตกตั้งแต่เราขึ้นไปได้ประมาณ 20 นาที ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปกันเท่าไหร่เลย เราก็ยอมยืนตากฝนกัน เพื่อรอเวลาฝนหยุดจะได้ถ่ายรูป แต่พอฝนหยุดคนก็เยอะเหมือนเดิม หยุดแป๊บเดียวตกอีกแล้ว

ฝนตกๆ หยุดๆ หลายรอบจนใกล้จะหกโมงเย็นฝนก็กระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยค่ะ พวกเราเปียกไปตามๆ กัน นุ้ยก็ประมาทคิดว่าที่คลุมกันฝนของกระเป๋ากล้องเอาอยู่ ที่ไหนได้พอกลับถึงที่พักเปิดดู ด้านในเปียกซ่กเลยค่ะ แล้วกว่าจะกลับถึงบ้านก็อีกวันนึง รอบนี้เสียค่าดูแลรักษากล้องเยอะแน่ๆ อยากจะร้องไห้ ออกจากบุโรพุทโธเราก็กลับไปอาบน้ำเก็บของที่ที่พัก แล้วไปสถานีรถไฟเพื่อเดินทางเข้าเมืองสุราบายา (ตอนแรกยอร์คยาการ์ต้าไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางค่ะ เลยไม่ได้ซื้อตั๋วกลับที่เมืองนี้ แต่แอร์เอเซียเลื่อนไฟล์ทบินของพวกเรา เราเลยเลื่อนวันกลับเพื่อให้ได้มาเที่ยวที่นี่) จบทริปการเดินทางท่องเที่ยวอินโดนีเซียของพวกเราแล้วนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น