29 เม.ย. 2559

สาวๆ พาเที่ยวอินโดนีเซีย #3 ผจญภัยที่ Ijen

คืนวันที่ 15 เมษายน พวกเราตื่นกันตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่งค่ะ รีบลุกขึ้นมาแต่งตัวเตรียมขึ้นรถไปคาวาอิเจ้นซึ่งจะมารับพวกเราตอนตี 1 ที่โรงแรมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว เป็นกาแฟ ขนมปังทาเนย 1 คู่ และไข่ต้ม แต่ตอนนั้นกินไม่ลงค่ะ เลยพยายามฝืนใจกินไข่ต้มและกาแฟไปจะได้พอมีแรงเดินขึ้นเขา

พอไปถึงที่ทำการอุทยานอีเจน-เมราปิมาลัง เราต้องใช้บริการไกด์ท้องถิ่นค่ะ ค่าบริการของพวกเรารวมอยู่ในแพคเกจกับค่ารถแล้ว แต่น้องคนไทยที่มากันเองบอกว่าค่าไกด์ (250,000 Rp.) ไกด์บอกว่าวันนี้คนไทยมาเที่ยวเยอะมาก ไกด์ของพวกเราชื่อฮาร์ดี้ น่ารักมากช่วยถือของให้กับพี่ๆ ที่เดินไม่ค่อยไหวตลอดทาง เราเริ่มเดินขึ้นเขากันตอนประมาณตี 2 ใครจะไปอย่าลืมไปฉายเลยนะคะสำคัญมาก เพราะทางมืดมาก ยิ่งตอนลงเหมืองไม่มีไฟฉายนี่จบเลยเดินลำบากแน่ๆ เดินๆ ไปแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นระทางแค่ 3.8 กิโล นุ้ยรู้สึกว่ามันไกลมากๆ ปากปล่องอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,300 เมตร ตอนเดินขึ้นเขาก็เหนื่อยแทบขาดใจแล้วนะคะ พอมาถึงปากทางลงเหมืองนี่นุ้ยแทบลมจับเลยทีเดียว ทางลงเหมืองลึกมาก ไกลมาก และมืดมาก เห็นแต่ดวงไฟเล็กๆ สุดลูกหูลูกตา ใจก็คิดว่าไม่ไหวแน่ๆ กลัวมากๆ ค่ะ รู้สึกว่า 2 ข้างทางเดินมีแต่เหว

แต่เมื่อคนอื่นไปได้ เราก็ต้องไปได้ (มั้ง) ก็ค่อยๆ พยายามไต่ลงไปใช้ทั้งมือทั้งขา ไฟฉายก็ต้องถือ ขาตั้งกล้อง กระเป๋า น้ำตาจะไหล ช่วงไหนที่คนเดินขาดช่วงนุ้ยก็จะหยุดก่อน เพราะไม่รู้จะไปทางไหน รอให้มีกลุ่มคนเดินมาแล้วค่อยตามเค้าไป ส่วนไกด์เราดูแลพี่อีกคนที่เดินไม่ค่อยไหวอยู่ไกลๆ โน่นค่ะ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็น่ารัก จะคอยบอกว่าเดินตรงไหน เหยียบตรงไหน กว่าจะไปถึงข้างล่างนุ้ยรู้สึกว่ามันยาวนานเหลือเกิน พอใกล้ๆ จะถึงบริเวณปล่องก็มีไกด์ของกรุ๊ปอื่นบอกว่า blue fire ใกล้จะดับแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 10 นาที นุ้ยก็รีบบอกเพื่อน แล้วก็รีบเดินไป แต่ยังไปไม่ถึงหรอกค่ะ เห็นคนเยอะมากที่ตั้งขาก็ไม่มี ก็ลองส่องจากไกลๆ ก่อน 

 

ได้มาแค่นี้เองค่ะ พอคิดว่าจะขยับขยายที่ก็ไม่ทัน พายุควันตลบลงมาเสียก่อน ดีว่าเคยอ่านที่เค้ารีวิวกันมาบ้างแล้ว เลยรีบนั่งลงกับพื้น แล้วเอาหน้ากากมาครอบทับผ้าปิดจมูกอีกที แต่ก็เอาไม่อยู่นะคะ สำลักแทบแย่เหมือนกัน พอควันเริ่มจางเงยหน้าขึ้นไป blue fire ก็หายไปแล้ว ฮือๆๆ ตรงจุดที่พี่เค้านั่งอยู่ คือจุดที่ blue fire เคยลุกโชติช่วง แอบอิจฉาตะหงิดๆ เค้าคงได้รูปไฟสวยๆ ไปด้วย

 บริเวณปากปล่องที่เค้าทำเหมืองกำมะถัน

รูปที่ไกด์ท้องถิ่นถ่ายให้จากกล้องของเพื่อนนุ้ย

ถ่ายๆ กันอยู่ก็ต้องหนีเป็นพักๆ

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ไปก็จะถ่ายภาพคนแบกกำมะถันขึ้นมาจากเหมือง แต่พวกนุ้ยไม่เจอเลยนะคะ เจอแต่ตะกร้าตากอยู่ระหว่างทาง ไม่รู้ว่าเค้าขนกันตอนไหน นุ้ยเดินกันของนิดเดียวยังแย่ พี่ๆ เค้าขนกำมะถันหนักหลายๆ กิโลกันได้ยังไงเนี่ย 

ถ่ายรูปเล่นกันสักก็ได้เจอพี่ๆ เค้าแบกกำมะถันขึ้นมาแล้วค่ะ มีแค่รองเท้าบู๊ตยางแต่สามารถเดินขึ้นลงเหมืองได้โดยแบกของหนักๆ พวกเราสู้ไม่ได้จริงๆ 

พอควันเริ่มจางเราก็ได้เห็นทะเลสาบที่อุมไปด้วยกรดกำมะถันแล้ว สีสวยมากเลยนะคะ

เห็นทางกลับแล้วก็คิดในใจ เมื่อคืนลงมาได้ยังไง

หนทางอีกไกล แสนไกล

ดีที่มีวิวสวยๆ ค่อยช่วยปลอบใจ

ไม่รู้ว่าธรรมชาติสร้างสรร หรือเพราะฝีมือมนุษย์นะคะ

เห็นธรรมชาติบ้านเค้าแล้วก็พอทำให้หายเหนื่อย

สำหรับใครที่เดินไม่ไหว เค้ามีบริการรถแท๊กซี่ด้วยนะคะ ราคาแล้วแต่จะต่อรองกัน

มีเบอรี่ให้ชิมระหว่างทาง

เพื่อนร่วมกรุ๊ปก็ตาไว เห็นค่างจากยอดไม้ไกลๆ

ที่มาเล่นกันใกล้ๆ ก็มีนะคะ แต่ถ่ายรูปไม่ทัน มาเร็วเคลมไวมาก ระหว่างทางทีร้านกาแฟให้นั่งพักด้วย ก็จะเป็นกาแฟ 3 in 1 มีกาแฟขาว กาแฟดำ ที่อินโดนีเซียไม่ว่าจะไปที่ไหน กาแฟแก้วละ 5,000 Rp. เท่ากันหมดค่ะ ไม่ได้ขึ้นราคาเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบบ้านเรา (ยกเว้นในที่พักนะคะ) นุ้ยกลับมาถึงรถกันเวลาประมาณ 9.30 น. ขนาดว่านุ้ยเข้าฟิตเนสและวิ่งวันละ 5 กม. เตรียมตัวมาเป็นเดือนๆ ก่อนเดินทางมายังแย่เลยค่ะ ปวดขาไปตามๆ กัน ถ้าจะกลับมาแก้มืออีกที คงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ ออกจากอิเจ้นเราก็เดินทางต่อไปโบรโม่ค่ะ

 

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

 

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น